skip to main
|
skip to sidebar
........อำเภอวัดเพลง
ถิ่นเพลงปรบไก่ แควอ้อมใสไหลผ่าน ย่านผลไม้รสดี มากมีขนมโบราณ นมัสการเจ้าพ่อหลักหิน งามศิลป์โบสถ์ร้อยปี
วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
3
บทความใหม่กว่า
บทความที่เก่ากว่า
หน้าแรก
Amphur Wat Pleng
Hi5 Clocks
by zalim-code.com
...ตำบลวัดเพลง
ตำบลวัดเพลงมีหมู่บ้านทั้งหมด 10 หมู่บ้านดังนี้
1. บ้านศรีสมรัตน์
ประวัติความเป็นมาของหมู่บ้าน ยังเอาแน่นอนไม่ได้ แต่เท่าที่สอบถามคนเก่าๆดูต่างก็ให้เหตุผลต่างกันคือ บ้างก็ว่าตั้งชื่อให้สอดคล้องกับชื่อคลองมหาดไชย คือ ศรีสมรัตน์มหาดไทย บางคนก็ว่านี่น่าจะเป็นนามสกุลของคนรุ่นเก่า ซึ่งเป็นที่เคารพของคนในหมู่บ้านนั้น
2. บ้านคลองมหาดไชย
เป็นหมู่บ้านที่แยกมาจากบ้านศรีสมรัตน์ ราษฎรมีอาชีพทำอิฐมอญต่อมาเลิกทำอาชีพนี้ก็มาประกอบอาชีพทำสวนมะพร้าว มะม่วง ยกร่องทำสวนกันเรื่อยมา แต่ตั้งชื่อหมู่บ้านให้สอดคล้องกับชื่อคลองที่ไหลผ่านหมู่บ้าน ว่าคลองมหาดไชย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
3. บ้านคลองฝรั่ง
แยกมาจากตำบลคลองขนอน มีบาทหลวงเข้ามาตั้งศาสนาคริสต์ มาจับจองที่ดินทำกินและสร้างวัดขึ้น ราษฎรในถิ่นนี้ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ มีอาชีพทำสวนมะพร้าวและตั้งชื่อตามคลองและบาทหลวงที่มาจัดตั้ง เพราะคนไทยจะเรียกคนต่างประเทศว่า " ฝรั่ง " เสมอ
4. บ้านวัดฝรั่ง
มีบาทหลวงเข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์ ซื้อที่ดินทำกินให้ราษฎรเช่าสำหรับราษฎรที่นับถือศาสนาคริสต์ และสร้างวัดขึ้นในหมู่บ้านเพื่อให้ราษฎรประกอบกิจกรรมทางศาสนาได้สะดวก ซึ่งแยกมาจากหมู่ 3 จึงได้ตั้งหมู่บ้านวัดฝรั่ง ตามชื่อวัดและคลองจนถึงปัจจุบันนี้
5. บ้านวัดเพลง
ท่านผู้เฒ่าบางคนเล่าให้ฟังว่าในสมัยโบราณประชาชนในแถบนี้มักมีอาชีพทำนาเป็นอาชีพหลักพอถึงฤดูฝน น้ำจะหลากมาจากกาญจนบุรีซึ่งเป็นต้นน้ำมาจากแม่น้ำแม่กลอง ในสมัยนั้นไม่มีเขื่อนสำหรับกักเก็บน้ำ ฝนตกมากเท่าไรน้ำก็จะไหลบ่ามามากเท่านั้น ชาวบ้านจะเรียกว่า "น้ำเหนือ" ในประมาณเดือน 12 ของทุกปี ดังนั้นชาวบ้านที่ว่างจากการทำนาก็จะมีการพายเรือร้องเพลงเกี้ยวกันระหว่างหญิงสาว ชายหนุ่ม หรือบุคคลที่รักสนุก ในเทศกาลต่างๆเช่น เพลงเรือ ดังปรากฎว่ายังมีแม่เพลงเรือเหลืออยู่บ้างในปัจจุบันนี้ นอกนั้นต่างเสียชีวิตกันหมดแล้ว สำหรับบ้านวัดเพลงนี้แยกมาจากคลองขนอน จึงจัดตั้งชื่อหมู่บ้านให้สอดคล้องกับชื่อวัด เมื่อปี พ.ศ. 2449 และแยกมาจากตำบลคลองขนอนเมื่อปี พ.ศ. 2444
6. บ้านบึงท่าใหญ่
เดิมเป็นหมู่บ้านอยู่หมู่ที่ 1 และ 2 ตำบลคลองขนอน มารวมกันใหม่จัดตั้งเป็นหมู่บ้านหมู่ที่ 6 ปัจจุบันนี้หมู่บ้านนี้มีบึงที่กว้างใหญ่อยู่กลางหมู่บ้าน เลยตั้งชื่อหมู่บ้านว่า "บ้านบึงท่าใหญ่"
7. บ้านละว้า
เดิมชื่อหมู่บ้านคลองขนอน ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นละว้า ราษฎรประกอบอาชีพทำนาเป็นหลัก และเริ่มจะเปลี่ยนเป็นทำสวนมะพร้าว เป็นหมู่บ้านเดิมไม่ได้แยกมาจากหมู่บ้านใด
8. บ้านบางนางสูญ
มีตำนานเล่าขานกันมาว่ามีสาวสวยนางหนึ่งจากตำบลวัดยางงาม พ่อแม่ร่ำรวยมีชายหนุ่มมาชอบกันมากแม้แต่ผู้ที่พบเห็น พ่อแม่ต่างดีใจที่มีลูกสาวสวย สาวนางนี้ชื่อว่า "งาม" มีชายหนุ่มมาสู่ขอพ่อแม่ก็ไม่ยอมให้ อยากจะให้อยู่กับตนจนแก่เฒ่า อยู่มาวันหนึ่งเวลาประมาณ 04.00 น. ในคืนนั้นสาวนอนไม่หลับ สาวจึงเดินทางออกจากบ้านไปทางทิศเหนือ เดินเล่นเพลินๆเรื่อยๆไป รุ่งเช้าพ่อแม่ไปปลุกให้หุงข้าวก็ไม่พบ แต่มีผู้พบว่านางเดินทางไปในดงตะเคียนซึ่งขึ้นเป็นหมู่ใหญ่ ค้นหาเท่าไหร่ก็ไม่พบร่องรอยแต่อย่างใดเลย ต่อมาชาวบ้านจึงเรียกชื่อตามนางที่หายไปว่า "บ้านบางนางสูญ"
9. บ้านเพลง
เป็นหมู่บ้านดั้งเดิม ราษฎรเล่นเพลงพื้นบ้านกันเป็นประจำ โดยมีพ่อเพลงแม่เพลงหลายคน เป็นบ้านหมู่ใหญ่ราษฎรอาศัยกันหลายช่วงอายุคน ต่อมาเพลงพื้นบ้านเหล่านี้ค่อยๆหายไป เพราะไม่มีใครรับเอาไว้ เลยเหลือไว้แต่ชื่อเป็นอนุสรณ์ดั้งเดิมไว้เท่านั้น เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง
10. บ้านไร่ลึก
หมู่บ้านนี้ในสมัยก่อนเป็นทุ่งกว้าง ถนนไม่มีผ่าน ต้องเดินไปในหมู่บ้านด้วยเท้าการคมนาคมไม่สะดวก ไกลมาก เลยตั้งชื่อหมู่บ้านว่า "ไร่ลึก" ปัจจุบันหมู่บ้านนี้อยู่สุดเขตของตำบลวัดเพลง
...บ้านวัดเกาะศาลพระ
ประวัติบ้านวัดเกาะศาลพระ
.....
ประวัติความเป็นมาของตำบลเกาะศาลพระบางกระแสก็เล่าว่าประมาณ 200 ปีมาแล้ว มีชาวเขมรและชาวมอญ ได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานในแถบนี้ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำแควอ้อม ซึ่งมีลักษณะคล้ายเกาะเพราะมีคลองล้อมรอบและในบรรดาผู้อพยพมีชายผู้หนึ่งเป็นผู้ที่มีฝีมือได้มีการคิดริเริ่มสร้างพระพุทธรูป โดยใช้หวายเส้นใหญ่สานเป็นโครงสร้าง และใช้หวายเส้นเล็กสานเป็นรูปร่างแล้วโบกปูนซีเมนต์ ( ซึ่งสมัยนั้นหาเหล็กยาก ) ทับโครงหวายอีกครั้งหนึ่ง แล้วค่อยตกแต่งทีหลัง ต่อมาก็ให้พวกเดียวกันฝึกหัดจนเป็นที่รู้จักของหมู่บ้านใกล้เคียง จึงเรียกหมู่บ้านนี้ว่า "เกาะศาลพระ" และเรียกชายคนนั้นว่า "ตาศาลพระ" เมื่อชายนั้นสิ้นชิวิตชาวบ้านจึงตั้งศาลขึ้นเรียกว่า "ศาลคุณตาศาลพระ" และเรียกตำบลว่า "ตำบลเกาะศาลพระ" ตามตำนานที่เล่าสืบกันต่อมานั่นเอง
.....
1. บ้านหนองเกษร
เดิมในหมู่บ้านมีหนองน้ำและบ่อเล็กๆอยู่ รอบๆหนองน้ำรอบๆบ่อน้ำนั้นจะมีดอกไม้นานาชนิด ราษฎรในหมู่บ้านมีอาชีพทำนา ทุกคนในครอบครัวก็จะพาวัวควายที่เลี้ยงไว้ไปกินน้ำ เล่นน้ำ ในบ่อแห่งนี้ จึงให้ชื่อหมู่บ้านว่า "หมู่บ้านสระบางควาย" ต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อว่า "หมู่บ้านหนองเกษร" ตราบจนทุกวันนี้
.....
2. บ้านหัวดอน
บริเวณที่ตั้งหมู่บ้านนี้เป็นที่ดอนมาก ขาดน้ำทำมาหากินไม่ค่อยได้ผล และมีโคกวิหารอยู่แต่ไม่ทราบว่าเป็นสมัยใด ต่อมาได้สร้างพระเจดีย์ที่โคกวิหารนั้นปัจจุบันเหลือเพียงฐานของพระเจดีย์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านแยกมาจากอำเภอปากท่อ จึงได้ชื่อตามลักษณะพื้นที่ว่า "บ้านหัวดอน" แห้งแล้งกันดารกว่าหมู่บ้านอื่น ปัจจุบันนี้ไม่แห้งแล้งเหมือนสมัยก่อนแล้วเพราะมีคลองชลประทานไหลผ่าน สะดวก สบาย ทำนาได้ปีละ 2 ครั้ง
.....
3. บ้านบางนางทวย
สมัยก่อนมีชาวเม็งอาศัยอยู่บริเวณนี้ สมัยก่อนเรียกว่าวัดเม็งทูนหรือวัดเวียงทุนนั่นเอง ชาวบ้านที่มาอยู่ในหมู่บ้านนี้เห็นอะไรที่เกี่ยวกับสถานที่ก็จะตั้งชื่อเกี่ยวกับชาวเม็งต้องมีคำว่าเม็งด้วยเสมอ เช่น เม็งทูน ชาวเม็งเห็นคนสวยในหมู่บ้าน เลยตั้งชื่อว่า "บ้านนางสวย" ต่อมาคนสวยไปแต่งงานกับคนหมุ่บ้านอื่นมีลูกหลานไม่ค่อยจะสวยเหมือนก่อนๆ เห็นเข้าก้ไม่น่าชื่นชม ระทดระทวย เลยเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านใหม่ว่า "บ้านบางนางทวย" ในที่สุด
.....
4. บ้านคลองพะเนาว์
เดิมพวกเขมรเข้ามาอยู่ ซึ่งอพยพมาตั้งถิ่นฐานอยุ่ในหมู่บ้านนี้และหมู่บ้านอื่น หมู่บ้านนี้มีคลองแห่งหนึ่งชื่อว่าพะเนาว์ตามชื่อชายชาวเขมรผู้ซึ่งเข้ามาบุกเบิก เลยตั้งชื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของคลอง คือหมู่บ้านคลองพะเนาว์มาถึงทุกวันนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา ทำสวน และยังมีอาชีพจักสานเครื่องใช้เกี่ยวกับการเกษตรเก็บไว้ใช้ เหลือก็เก็บไว้ขายเพิ่มรายได้ให้แก่ครอบครัวอีกทางหนึ่ง
.....
5. บ้านท่าข้าม
เป็นหมู่บ้านที่มีแม่น้ำไหลผ่านระหว่างหมู่6-7 กับตำบลคุ้งกระถิน อ.เมือง ก็คือแม่น้ำแควอ้อมนั่นเอง เวลาน้ำลดหาดทรายก็ขึ้น เดินข้ามไปมาก็สะดวก สมัยก่อนไม่มีสะพานข้ามฝั่งใครจะข้ามฝั่งก็ต้องข้ามที่ท่าข้ามนี้ ราษฎรจึงตั้งชื่อว่าบ้านท่าข้าม ปัจจุบันแควอ้อมตื้นเขินทางการจึงได้ขุดลอกคลองเมื่อปี 2532 นี้ ทำให้คลองลึกไม่สามารถเดินข้ามได้ แต่ประชาชนท้องถิ่นนี้ก็ไม่เดือดร้อนเพราะมีสะพานข้ามเชื่อมทั้งสองฝั่งได้สะดวก
.....
6. บ้านท่าลาด
หมู่บ้านนี้มีบริเวณเป็นพื้นที่ลาดกว้าง เป็นทางที่วัวลงกินน้ำที่แม่น้ำแควอ้อมประชาชนจะใช้น้ำจากแม่น้ำแควอ้อมกันทั้งหมู่บ้าน จึงเรียกหมู่บ้านนี้ว่า "บ้านท่าลาด" ซึ่งหมายถึงทางที่สะดวก ราษฎรเป็นคนเชื้อสายเขมรลาวเดิมเช่นกัน ราษฎรส่วนมากประกอบอาชีพทำนา และทำสวน
.....
7. บ้านเกาะมอญ
เดิมเป็นหมู่บ้านที่มีพวกชาวมอญและชาวเขมรอพยพ มาตั้งถิ่นฐานอยู่ ราษฎรส่วนใหญ่ชอบสูบใบพลูจึงเรียกว่า "บ้านอมพลู" ต่อมาจึงเรียกตามชื่อราษฎรที่มาอาศัยอยู่และผนวกกับบริเวณหมู่บ้านเป็นเกาะมีน้ำล้อมรอบ จึงเรียกว่า "บ้านเกาะมอญ"
.....
8. หมู่บ้านเสลา
เป็นหมู่บ้านหนึ่งในตำบลเกาะศาลพระ อ.วัดเพลง อยู่ระหว่างวัดเกาะศาลพระกับวัดปราโมทย์แต่เดิมไม่ได้ชื่อ "เสลา" แต่มีชื่อว่า "เถลา" ซึ่งเป็นผู้นำที่มาตั้งหมู่บ้านนี้เป็นครั้งแรก ณ หมู่บ้านนี้มีศาลซึ่งเป็นที่เคารพของชาวบ้านชื่อว่า "ศาลพ่อเฒ่า" แต่เดิมศาลพ่อเฒ่าเป็นเพียงศาลไม้เล็กๆ แต่ด้วยความศรัทธาของชาวบ้านจึงร่วมมือกันสร้างเป็นศาลที่ใหญ่ขึ้น แต่ก่อนมีคนทรงเจ้าแต่ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว
.....
9. บ้านเสลา
หมู่บ้านเสลาเป็นหมู่บ้านหนึ่งในตำบลเกาะศาลพระ อ.วัดเพลง อยู่ระหว่างวัดเกาะศาลพระกับวัดปราโมทย์แต่เดิมไม่ได้ชื่อ "เสลา" แต่มีชื่อว่า "เถลา" ซึ่งเป็นผู้นำที่มาตั้งหมู่บ้านนี้เป็นครั้งแรก ณ หมู่บ้านนี้มีศาลซึ่งเป็นที่เคารพของชาวบ้านชื่อว่า "ศาลพ่อเฒ่า" แต่เดิมศาลพ่อเฒ่าเป็นเพียงศาลไม้เล็กๆ แต่ด้วยความศรัทธาของชาวบ้านจึงร่วมมือกันสร้างเป็นศาลที่ใหญ่ขึ้น แต่ก่อนมีคนทรงเจ้าแต่ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว
.....
10.บ้านคลองขุด
แต่เดิมเป็นทุ่งนากว้างใหญ่ ราษฎรมีอาชีพทำนา ต่อมาก็เริ่มเปลี่ยนจากการทำนาเป็นทำสวนยกร่อง ขุดคลองเพื่อให้น้ำไหลผ่านเพื่อนำไปใช้ในการเกษตรจึงเรียกหมู่บ้านนี้ว่า "บ้านคลองขุด" ตามชื่อคลองนั่นเอง
...บ้านจอมประทัด
ประวัติบ้านจอมประทัด
1. บ้านบางกล้วย
บางกล้วยเดิมชาวบ้านเรียกว่า บางกรวย ในสมัยก่อนนั้นแถวนี้เป็นป่า มีคนมาอยู่บริเวณนี้ เลี้ยงช้าง เลี้ยงม้าและเลี้ยงสัตว์ต่างๆมากมาย เวลามันหิวมันก็จะเดินไปหาอาหารกิน มีอาหารที่ไหนก็จะเดินไปหากินพออิ่มแล้วจะเดินกลับที่อยู่เดิม ตามทางที่พวกมันเดินก็จะเป็นหลุมเป็นบ่อและก็เป็นทางเดิน นานๆเข้าก็เป็นธารน้ำ จากธารน้ำก็กลายเป็นคลอง มีคนปลูกบ้านเรือน ทำมาหากินมีเรือพาย ต่อมามีเรือเครื่อง คลองนี้ชื่อคลองบางกรวย ก็เพี้ยนเป็นคลองบางกล้วยตามที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
2. บ้านบางกระลี้
เดิมเป็นหมู่บ้านเดียวกับหมู่ที่ 2 ตำบลวัดประดู่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ประวัติความเป็นมายังไม่ปรากฏ ซึ่งพอสันนิษฐานจากประวัติของอำเภอวัดเพลงเดิมชื่ออำเภอท่านัดวัดประดู่ ขึ้นอยู่กับแขวงเมืองแม่กลองจังหวัดสมุทรสงคราม
3. บ้านต้นพลับ
หมู่บ้านต้นพลับ ในอดีตเป็นป่าเช่นกัน มีคลองธรรมชาติผ่าน 2 คลอง คือ 1. คลองประดู่ 2. คลองจอมประทัด ในคลองเป็นน้ำจืด ไหลตลอดปีจึงอุดมไปด้วย พืช ผัก กุ้ง หอย ปู ปลา ที่เป็นอาหารมนุษย์ มีเขมรส่วนหนึ่งย้ายมาตั้งบ้านเรือนที่บ้านบางนางสูญ เห็นที่บ้านต้นพลับอุดมสมบูรณ์ จึงพากันย้ายบ้านเรือนมาอยู่ในเขตบ้านต้นพลับกาลเวลาผ่านไปเกิดเป็นกลุ่มชนใหญ่ขึ้น
ณ บ้านต้นพลับนี้เอง เดิมมีต้นไม้ต่างๆมากมาย ในจำนวนต้นไม้เหล่านั้น ปรากฎว่ามีต้นพลับมากที่สุด มีต้นพลับต้นหนึ่งขึ้นอยู่คลองวัดประดู่ เป็นต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านสาขา มีร่มเงาใหญ่โต ประชาชนชอบพากันไปพักผ่อน ประชาชนที่อยุ่ตำบลใกล้เคียงจึงพากันเรียกหมู่บ้านนี้ว่า "บ้านต้นพลับ"
4. บ้านหมู่ใหญ่
เดิมหมู่บ้านนี้เป็นทุ่งนา อยู่รวมกันเป็นกลุ่มเป็นหมู่ ราษฎรในหมู่บ้านส่วนใหญ่มีอาชีพทำนา แยกมาจากอำเภอปากท่อ พร้อมๆกับกิ่งอำเภอวัดเพลงเป็นอำเภอวัดเพลง ในปัจจุบันนี้หมุ่บ้านนี้จึงขึ้นอยู่กับอำเภอวัดเพลง มักเรียกหมู่บ้านนี้ว่า "่บ้านหมู่ใหญ่"
5. บ้านปลายคลองเล็ก
เดิมหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเล็กๆราษฎรตั้งบ้านเรือนอยู่สองฝั่งคลองจอมประทัด ในอดีตที่ผ่านมาคลองจอมประทัดนี้ประชาชนท้องถิ่นรู้จักกันในนามว่า "คลองเล็ก" จะมีน้ำไหลขึ้นลงมาถึงหมู่บ้านนี้เท่านั้น ทั้งๆที่คลองนี้ยังมีความยาวอีกมาก จึงขนานนามหมู่บ้านนี้ว่า "บ้านปลายคลองเล็ก"
6. บ้านปากสระ
แต่เดิมเป็นหมู่บ้านเล็กๆ และยามหน้าแล้งจะขาดน้ำกินน้ำใช้ ราษฎรในหมู่บ้านจึงปรึกษาหารือและร่วมมือกันขุดสระน้ำเพื่อไว้ใช้ในหมู่บ้านบรรเทาความเดือดร้อน ต่อมาก็พากันมาตั้งบ้านเรือนอยู่ใกล้ๆกับสระน้ำ ขยายมากขึ้นจนกลายเป็นหมู่บ้าน ราษฎรหมู่บ้านอื่นจึงเรียกหมู่บ้านนี้ว่า "บ้านปากสระ" ติดปากมาจนถึงทุกวันนี้
7. บ้านดอนกลาง
หมู่บ้านดอนกลางพื้นที่เป็นที่ดอนอยู่ใจกลางหมู่บ้าน หมู่บ้านอื่นๆจึงเรียกหมู่บ้านนี้ว่า "บ้านดอนกลาง" เดิมขึ้นอยู่กับอำเภอปากท่อ ปัจจุบันได้แยกมาตั้งกัยอำเภอวัดเพลง ประชาชนส่วนมากทำนา
8. บ้านดอนตาสน
หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ดอน แห้งแล้งกันดาร เช่นเดียวกับบ้านดอนกลาง ผู้ที่มาบุกเบิกที่นี้เป็นคนแรกคือ "ตาสน" จึงตั้งชื่อหมู่บ้านตามผู้บุเบิกว่า "บ้านดอนตาสน"
สิ่งศักดิ์สิทธิ์
.....
สำหรับเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น จะปรากฏให้พบเห็นตามคำบอกเล่าโดยทั่วไป ซึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นที่เคารพนับถือและยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้านในตำบลวัดเพลงและอำเภออื่นๆ สำหรับสิ่งศักดิ์สิทธิ์นี้มีมากมายแต่จะขอยกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่กล่าวขานซึ่งเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปคือ วัดเกาะศาลพระและศาลหลวงปู่คง
วัดเกาะศาลพระ
.....
วัดเกาะศาลพระเป็นวัดเก่าแก่ของอำเภอวัดเพลงวัดหนึ่ง ซึ่งจะสังเกตได้จากโบราณสถานและโบราณวัตถุ เช่น อุโบสถหลังเก่าสร้างขึ้นในสมัยใดไม่ปรากฏเพียงแต่สังเกตได้จากลักษณะของอุโบสถ พวกถ้วยชามที่ใช้ประดับหลังคาด้านหน้าและด้านหลังของพระอุโบสถ ซึ่งมาจากประเทศฮอลแลนด์ ในสมัยแผ่นดินพระนารายณ์มหาราชทำการค้ากับต่างประเทศในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี รอบๆอุโบสถมีต้นจันหลายต้นอายุหลายร้อยปียืนตระหง่านแสดงถึงความน่าเกรงขามและความเก่าแก่ของสถานที่แห่งนี้
หลวงพ่ออู่ทองซึ่งเป็นพระประธานในอุโบสถ มีหน้าตักกว้าง 2 ศอก ทำด้วยศิลาแลง มีพระพักตร์คล้ายหลวงพ่อโสธรเมืองแปดริ้ว เดี๋ยวนี้แม้จะมีอุโบสถหลังใหม่แต่หลังเก่าก็ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ไว้เป็นอย่างดี
หลวงปู่คง
.....
เรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่คงมีมากมาย ถึงแม้หลวงปู่คงจะมรณภาพไปนานแล้วก็ตาม แต่ยังปรากฏอภินิหารของท่านอยู่เสมอ ดังจะยกตัวอย่างพอสังเขปดังนี้
ผู้ใหญ่สมพงษ์ โพธิอำไพ กรรมการวัดได้ขอให้ พ.ต.ต. นริศ แก้วสวาท ช่วยบริจาคประตูเหล็กปิดวิหารหลวงปู่คง พ.ต.ต. นริศว่าจะไปสอบเป็นสารวัตใหญ่ได้แล้วจะทำถวาย ผลปรากฏว่าสอบได้ที่ 1 ได้สมความปรารถนาและได้มาติดตั้งไว้แล้ว
คุณจินต์และอาจารย์ประไพ จินตแสวง ได้นำเงิน 2400 บาทมาถวายหลวงปู่คง บอกว่านายเทียม จินตแสวง ทนายความชั้น1 จังหวัดราชบุรีผู้เป็นพี่ชายให้นำมาถวาย แล้วอธิฐานว่าบุญมีจริงขอให้ถูกสลากกินแบ่งผลก็ถูกจริงๆ แล้วได้นำเงินมาสร้างตู้หนังสือถวายไว้ที่วัด
นายวิเชียร คุ้มครอง ป่วยเป็นโรคประสาทมานาน หลวงปู่คงเหยียบนไหล่ เมื่อหายแล้วจึงมาบวชถวาย 1 พรรษา
พระจำนงค์ คำผูก ป่วยเป็นโรคประสาทไม่ได้สติ ไม่มีใครช่วย นั่งดื่มน้ำมนต์และนอนที่วิหารก็หาย
นางสุภา กังก๋ง มาขอลาภจากหลวงปู่คง ตกกลางคืนหลวงปู่มาเข้าฝัน จึงถูกรางวัลได้จุดพลุถวายครึ่งโหล
นาวาเอกพิเศษ ดร.กาญจนา นาคสกุล เมื่อถึงตรุษสงกรานต์ ได้พาคุณแม่มานมัสการปิดทองหลวงปู่คงทุกปีและมีความเคารพหลวงปู่คงเป็นอันมาก